เมืองขอนแก่นไม่ต้องเริ่มใหม่
แต่ต้องเดินให้ถูกทาง โอกาส
ของเมือง เริ่มจากสายตาที่
มองเห็นอนาคต
ขอนแก่นต้องเดินได้ ขับได้ ขึ้นรถได้ โดยไม่เสียเวลาและพลังชีวิต
เมืองที่เดินแล้วเย็นใจ ไม่ร้อน ไม่รก ไม่ทิ้งพื้นที่ว่างเปล่า
โรงเรียนต้องปลอดภัย อาหารดี ห้องเรียนไม่แพ้โรงเรียนนานาชาติ
คนทำงานได้ เมืองหายใจสะดวก โอกาสถึงคนตัวเล็ก
สุขภาพแข็งแรง เมืองก้าวไกล
“ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อย่างแท้จริง”
“อิ่มง่าย ราคาเป็นมิตร สะอาดทุกมื้อ”
ชัดเจน สว่าง ปลอดภัย
แจ้งง่าย แก้ไว ไม่ทิ้งเรื่อง
“ฟังทุกเสียง เดินไปด้วยกัน”
** นโยบายทั้งหมดจะดำเนินการภายใต้อำนาจหน้าที่ของเทศบาลเท่านั้น **
A:
ผมเป็นคนขอนแก่นโดยกำเนิด เติบโตมากับเมืองนี้ เห็นทั้งจุดแข็งและปัญหาของเมืองในทุกยุคสมัย ผมเชื่อว่าเมืองนี้ยังมีโอกาสพัฒนาได้อีกมาก ผมเริ่มต้นจากการทำธุรกิจของตัวเองและเป็นวิศวกรที่ปรึกษา ก่อนเข้าสู่การเมืองท้องถิ่นในฐานะสมาชิกสภาเทศบาล และได้ทำงานในตำแหน่งรองนายกฯ รวมกว่า 12 ปี ผมอยู่ในพื้นที่มาตลอด เจอชาวบ้านทุกวัน รับฟังปัญหาจริง ๆ และพยายามแก้ด้วยวิธีที่จับต้องได้
A:
การทำงานกับเมืองมา 12 ปี ทำให้มั่นใจว่ามันถึงเวลาแล้วครับ ที่ขอนแก่นจะมีผู้บริหารที่เข้าใจเมืองอย่างแท้จริง ผมเห็นปัญหาหลายอย่างสะสมมายาวนาน และรู้ว่าบางเรื่องไม่ได้ยากเกินแก้ ถ้าเราทำงานกันแบบมืออาชีพ และไม่ติดขัดเพราะความขัดแย้งทางการเมือง ผมลงสมัครในนามอิสระ เพราะอยากให้เมืองนี้ “เดินหน้าได้จริง” ไม่ใช่ติดหล่มกับเกมการเมือง หรือเปลี่ยนคนแล้วต้องเริ่มใหม่ทุกครั้ง ผมไม่ได้มาเพื่อล้างกระดาน แต่มาเพื่อทำต่อในสิ่งที่ควรทำ และเริ่มสิ่งใหม่ที่จำเป็นต้องเริ่ม
A:
ผมมีทีมงานมืออาชีพครับ เป็นทีมที่เติบโตมาด้วยกันในขอนแก่น บางคนเป็นคนรุ่นใหม่ บางคนเป็นภาควิชาการ บางคนทำงานภาคประชาสังคม บางคนทำงานราชการเกษียณมาแล้ว แต่สิ่งที่เรามีเหมือนกันคือ “เรารู้ว่าปัญหาของเมืองอยู่ตรงไหน และอยากแก้ด้วยวิธีที่จริงจัง” ผมเลือกลงในนามอิสระเพราะผมไม่อยากให้คนเลือกผมเพราะพรรค ผมอยากให้คนดูที่ตัวผม ดูที่ผลงาน และวิธีคิดของผม ผมพร้อมทำงานกับทุกฝ่าย เพราะผมมองว่าเมืองคือของคนทั้งเมือง ไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
A:
งานหลายเรื่องที่ผมภูมิใจเป็นงานที่กระทบชีวิตคนจริง ๆ เช่น ผมร่วมเป็นทีมงานในการบริหารจัดการฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชน 55,000 คน ภายใน 3 เดือน ตอนนั้นเราใช้ระบบจองออนไลน์ เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงบริการได้รวดเร็วและปลอดภัย ผมยังเป็นคณะอนุกรรมการในการขับเคลื่อนด้านสุขภาพชมชน อนุมัติโครงการเล็ก ๆ อย่างการดูแลผู้สูงอายุ ป้องกันไข้เลือดออก หรือจัดกิจกรรมดูแลสายตาเด็ก ๆ – สิ่งเหล่านี้มันอาจไม่ขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์ แต่ผมเห็นรอยยิ้มของคนในชุมชน และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมยังอยู่ตรงนี้ นอกจากนี้ ผมยังเป็นคนผลักดันพิพิธภัณฑ์เมืองแบบใหม่ ที่ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมออกแบบตั้งแต่ต้น และสนับสนุนเรื่องการศึกษาระดับเทศบาล เช่น การจัดการศึกษาแบบ Cluster Management และโรงเรียนสาธิตเทศบาลที่เพิ่งเปิดดำเนินการได้ไม่นาน
A:
ผมจบวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมจาก ม.ขอนแก่น แล้วเรียนต่อ MBA ด้านการจัดการที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และยังผ่านหลักสูตรผู้นำยุคใหม่จากสถาบันพระปกเกล้าด้วย ความรู้ที่ผมได้รับไม่ได้ทำให้ผมเป็นคนเก่งที่สุดในห้อง — แต่มันทำให้ผมเป็นคนที่ “ตั้งคำถามกับปัญหาให้ถูก” และ “วางแผนแก้ปัญหาให้ตรง” ผมคิดเป็นระบบแบบวิศวกร และจัดการงานแบบนักบริหาร นี่คือสิ่งที่ผมนำมาใช้ในการทำงานกับเมืองจริง ๆ ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา
A:
ผมเชื่อว่าการเมืองที่ดี คือการเมืองที่ให้คนธรรมดาใช้ชีวิตได้ดีขึ้น และผมเชื่อว่าการกระจายอำนาจไปที่พื้นที่ คือหัวใจของประชาธิปไตยในทางปฏิบัติ เมืองแบบขอนแก่นต้องบริหารด้วยข้อมูล ต้องเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่การฟังในเวทีเดียวแล้วจบ
หลักการทำงานของผมคือ “ฟังให้ลึก คิดให้รอบ ทำให้จริง” ทุกนโยบายที่ผมเสนอ ต้องตอบโจทย์จริง ไม่ใช่แค่ดีในกระดาษ ผมไม่ชอบพูดอะไรที่เกินจริง เพราะสุดท้ายคนจำไม่ได้ว่าเราพูดอะไร แต่เขาจำได้ว่าเราเคยทำอะไรให้เขาหรือเปล่า
A:
ผมอยากให้ขอนแก่นกลายเป็นเมืองที่ “เดินได้ ขับได้ ใช้ชีวิตได้” — มีระบบขนส่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ มีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น มีการศึกษาเทียบเท่ามาตรฐานสากล มีบริการสาธารณสุขที่เข้าถึงทุกกลุ่ม
และที่สำคัญคือเป็นเมืองที่ “มีหวัง มีอนาคต” คนรุ่นใหม่ไม่ต้องย้ายออกไปทำงานที่กรุงเทพฯ พ่อค้าแม่ค้ารู้ว่าระบบมันสนับสนุนให้เขาทำมาหากินได้ ถ้าได้เป็นนายกฯ ผมไม่สัญญาว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนทันที แต่ผมสัญญาว่าผมจะเริ่มต้นทุกอย่างที่ควรเริ่ม และทำให้ดีที่สุดเท่าที่ความรู้และประสบการณ์ของผมจะพาไปได้
A:
ขอนแก่นเป็นเมืองที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงมากครับ ถ้าเรามองลึก ๆ จะเห็นว่ามีทั้งภาคการศึกษา การแพทย์ โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว รวมถึงงานสร้างสรรค์ แต่ที่ผ่านมาหลายอย่างยัง “ไม่ถูกเชื่อมโยงให้เป็นระบบ”
ผมมองว่า ถ้าเราอยากสร้างงานให้คนรุ่นใหม่ มีรายได้ให้คนทุกกลุ่ม เราต้องวางเมืองให้ชัดเจนว่าเราจะโตด้านไหน และทำให้โครงสร้างพื้นฐานของเทศบาล “พร้อมรองรับ”
ตัวอย่างเช่น
สุดท้าย ผมอยากให้ขอนแก่นเป็น “เมืองที่คนไม่ต้องย้ายออกไปหางาน” แต่กลับเป็นเมืองที่คนอยากย้ายเข้ามา เพราะมีโอกาส มีงาน และมีระบบสนับสนุนให้ทุกคนเติบโตได้จริง
A:
ถ้าได้ทำหน้าที่นายกฯ สิ่งที่ผมอยากทำทันทีใน 100 วันแรก ไม่ใช่แค่การประกาศนโยบาย แต่คือ “การจัดระเบียบระบบหลังบ้านของเทศบาล” และ “การลงมือทำเรื่องที่ประชาชนรออยู่แล้ว” ดังนี้ครับ:
จัดระบบให้แต่ละฝ่ายทำงานประสานกันได้จริง และเริ่มปรับทีมปฏิบัติงานให้ตอบโจทย์เชิงพื้นที่มากขึ้น
→ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนตัวนายกฯ แล้วทีมเดิมทำเหมือนเดิม แต่จะทำให้ “เครื่องจักรทั้งองค์กร” เคลื่อนไปด้วยกัน
A:
ผมอยากบอกว่าผมรู้ว่าเมืองนี้มีศักยภาพมากกว่านี้ และผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนก็รู้เหมือนกัน ถ้าทุกคนเบื่อกับการเมืองแบบเดิม ๆ เบื่อกับการเลือกฝั่ง เบื่อกับปัญหาที่วนกลับมาซ้ำ — ผมขอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่อิงฝ่าย ไม่เล่นเกม และลงมือทำจริง
ผมไม่ใช่นักการเมืองหน้าใหม่ ไม่ใช่ทีมทุน ไม่ใช่ฝ่ายค้าน ผมเป็นคนขอนแก่นธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากเห็นบ้านของเราดีขึ้นอย่างเป็นระบบและยั่งยืน และผมเชื่อว่าเราทำได้ ถ้าเราเดินไปด้วยกัน
ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น หมายเลข 3
Tagline: “พร้อมทำ เพื่อเมืองเดินหน้า”
“คนทำงานจริง จากขอนแก่น เพื่อขอนแก่น”
วรินทร์ เอกบุรินทร์ หรือ “แนน” เติบโตจากเมืองขอนแก่น และใช้เวลากว่า 12 ปีในการทำงานพัฒนาเมืองในฐานะสมาชิกสภาเทศบาลและรองนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ผ่านประสบการณ์จริงใน
ทุกปัญหาหน้างาน ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน การจัดการขยะ น้ำท่วม สุขภาพ การศึกษา จนถึงงานบริการประชาชนเชิงระบบ
จบการศึกษาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และปริญญาโท MBA ด้านการจัดการ พร้อมผ่านหลักสูตรผู้นำจากสถาบันพระปกเกล้า แนนจึงเป็นทั้ง “นักคิดระบบ” และ
“นักลงมือทำ” ที่เข้าใจเมืองอย่างลึกซึ้ง และทำงานได้จริงทุกระดับ
เขาเชื่อมั่นในการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การบริหารที่มีส่วนร่วม และการเมืองที่ไม่แบ่งขั้ว เพื่อ
พาเมืองเดินหน้า โดยไม่เอาประชาชนเป็นตัวประกันของเกมการเมือง
วันนี้ แนนขออาสา พาเมืองไปต่อในแบบที่ดีขึ้น เพื่ออนาคตขอนแก่นที่เราอยากอยู่
ด้วยการทำสิ่งที่ควรทำให้ต่อเนื่อง และเริ่มสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นจริง
“คิดแบบคนรุ่นใหม่ ทำได้แบบคนเข้าใจเมือง”
เมืองขอนแก่นไม่ต้องเริ่มใหม่ แต่ต้องเดินให้ถูกทาง
โอกาสของเมือง เริ่มจากสายตาที่มองเห็นอนาคต
เมืองขอนแก่นไม่ต้องเริ่มใหม่ แต่ต้องเดินให้ถูกทาง
โอกาสของเมือง เริ่มจากสายตาที่มองเห็นอนาคต